วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552
คำถาม ?? สำหรับเพื่อนๆทุกคน
ถามว่า : ซาวาดะ สึนะโยชิได้สัตว์ชนิดใดจากกล่องของวองโกเล่แฟมิลี่ ?
และ สัตว์ตัวนั้นชื่ออะไร ???
[ ใบ้ให้ครับคำตอบอยู่ที่รูปภาพครับ >< ]
ติ๊กต๊อก ๆ ๆๆ ,,ตอบกันให้ได้นะครับ !!! ^0^"
'Video' ~
javascript:void(0)
_____________________________________________________________________________________
ประวัติศาสตร์อันยาวนานของ วองโกเล่ แฟมิลี่
ประวัติศาสตร์อันยาวนานของ วองโกเล่ แฟมิลี่
vongola-family
แฟมิลี่ สุดแกร่ง มีประวัติยาวนานผู้ก่อตั้งคือตั้งคือ ทวดของทวดของ Tsuna ชื่อเรียกของหัวหน้าวองโกเล่มีดังนี้
วองโกเล่รุ่นที่หนึ่ง(Primo) อาวุธคือถุงมือ รูปแบบเดียวกับ Tsuna แต่มีสัญลักษณ์ คือ I ท่าไม้ตาย เดือดทะลุจุดศูนย์ บุคคลที่ถูกกล่าวขานว่า เป็นหัวหน้าที่แข็งแกร่งที่สุดของวองโกเล่ จนได้รับขนานนามว่า บุรุษแห่งนภา วองโกเล่รุ่นแรก ขอแค่เป็นคนที่ถูกใจ จะเป็นใครมาจากไหน ก็ยอมรับได้หมด แฟมิลี่รุ่นแรกมีทั้ง กษัตริย์ ทหาร
มาเฟียคู่แข่ง ผู้นำลัทธิ
วองโกเล่รุ่นที่สอง(Secondo) ท่าไม้ตาย เพลิงพิโรธ อาวุธ ยังไม่ปรากฏ
วองโกเล่รุ่นที่สาม(Terzo) อาวุธ มีด
วองโกเล่รุ่นที่สี่(Quarto) อาวุธคือ ส้อม
วองโกเล่รุ่นที่ห้า(Quinto) อาวุธ ยังไม่ปรากฏ
วองโกเล่รุ่นที่หก(Sesto) อาวุธ ยังไม่ปรากฏ
วองโกเล่รุ่นที่เจ็ด(Settimo) อาวุธคือ ปืน ในบรรดาหัวหน้าแก๊ง รุ่นที่ 7 มีพลังไฟ แผ่วที่สุดในบรรดาหัวหน้าแก๊ง
วองโกเล่รุ่นที่แปด(Ottavo) อาวุธ ยังไม่ปรากฏ (เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวของวองโกเล่ที่ได้เป็นบอส)
วองโกเล่รุ่นที่เก้า(Nono) อาวุธ ไม้คฑา ผู้ที่ถูกขนานนามว่า เป็นผู้เลือกสรรค์ของพระเจ้า เพราะเป็นผู้ที่ มีสายตาที่มองคนทะลุปรุโปร่ง
วองโกเล่รุ่นที่สิบ(Decimo) อาวุธคือ X Glove ถุงมือ ที่มีตัว X หรือ เลข 10 ของโรมัน เป็นเครื่องหมาย โดยในศึกภาคอนาคต X Glove สามารถ รวมพลังกับแหวนแห่งนภา กลายเป็น X Glove Ver.Vongola Ring โดยสัญลักษณ์ของวองโกเล่ จะเข้ามาแทนที่ ตัว X ท่าไม้ตาย เดือดทะลุจุดศูนย์ ,เดือดทะลุจุดศูนย์ฉบับดัดแปลง
วอริเออร์
กลุ่มของนักฆ่าอัจฉริยะซึ่งจะต้องทำภารกิจที่คนธรรมดาไม่สามรถทำได้ และไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่แค่ไหน ก็จะต้องสามารถทำภารกิจให้สำเร็จ ซึ่งความสามารถในการฆ่าอยู่ในขั้นที่เรียกว่า เป็นฝีมือของปีศาจ ทำให้ผู้คนต่างพากันหวาดกลัว และเรียกว่า วอริเออร์ ควอลิต
แหวน ไฟ และกล่อง
ความเป็นมาของแหวนจากปากของรัล แต่เดิมแล้ว แหวน มีเอาไว้สำหรับให้มาเฟีย เอาชีวิตรอดจากยุคมืด มันเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการที่ คนโบราณได้ทำสัญญาเพื่อให้ได้มาซึ่งพลังแห่งความมืดแต่แหวนของมาเฟียซึ่งถูกเก็บรักษามาโดยตลอดด้วย โอเมลดา (กฎแห่งความเงียบ) ต่างก็มีพลังที่เหนือขอบเขต จินตนาการของมนุษย์สถิตอยู่
แหวนและไฟ จากการสอบปากคำ ยามาโตะ แหวนนั้นมีพลังในการเปิดกล่อง ร่างกายของคนนอกจากเลือดแล้วก็ยังมีพลังชีวิตที่มองไม่เห็นไหนอยู่ทั่วร่าง เป็นเหมือนพลังคลื่น พลังคลื่นทั้งหมด มีอยู่ 7 ชนิด เมื่อพลังคลื่นในตัวคนมีคุณสมบัติ ตรงกับพลังคลื่นของแหวน พลังคลื่นก็จะสามารถไหนผ่านไปสู่แหวนได้ แหวนก็จะเปลี่ยนพลังคลื่นที่ไหลผ่านไปนั้น เป็นพลัง งานที่มีความเข้มข้นสูง ที่เรียกว่า พลังไฟดับเครื่องชน
กล่องแต่ละกล่องก็จะมีธาตุของตนเอง เช่นเดียวกับแหวน การที่จะเปิดกล่องได้นั้น พลังคลื่นของ คน แหวน และ กล่องต้องกันกัน ถึงจะสามารถเป็ดกล่องได้ การที่เปิดกล่องไม่ได้นั้น มีอยู่หลายสาเหตุ คือ 1 พลังคลื่นหรือธาตุ ของคน และ แหวน ไม่ตรงกัน หรือ 2 พลังคลื่นของคนนั้น แผ่วเกินไป ที่จะสามารถเปิดกล่องได้ พลังไฟธาตุนภานั้น สามารถเปิดกล่องได้ทุกกล่อง แต่ว่า ไม่สามารถดึงพลังสูงสุด ของกล่องออกมาได้
แหวนวองโกเล่ ( Vongola Ring )
วองโกเล่ริง คือสัญลักษณ์ของวองโกเล่แฟมิลี่ที่กลุ่มแกนนำรวมทั้งหัวหน้าแก๊งรุ่นแรกทั้งหมด7คนหลงเหลือไว้ให้กับคนรุ่นหลัง จึงมีกฎว่าแกนนำทั้ง7คนของแฟมิลี่แต่ละรุ่นจะต้องเป็นผู้รับสืบทอดแหวนทั้ง7วงนี้
วองโกเล่ริงนั้น สามารถแบ่งครึ่งได้ โดยแหวน ครึ่งหนึ่งจะถูกเก็บไว้ที่ หัวหน้าแก๊งของแต่ล่ะรุ่น ส่วนอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ จะถูกเก็บไว้กับ ผู้ดูแลนอกแก๊ง โดยเมื่อถึงวันที่จะมีการสืบทอดตำแหน่งให้กับหัวหน้าแก๊งรุ่นถัดไป แหวนจะถูกทำให้สมบูรณ์เต็มวง ซึ่งแปลว่า ทั้งหัวหน้าแก๊ง และ ผู้ดูแลนอกแก๊ง เลือกผู้สืบทอด หรือก็คือ หัวหน้าแก็งรุ่นถัดไป เป็นคนเดียวกัน โดยส่วนมาก ทั้งหัวหน้าแก๊งและผู้ดูแลนอกแก๊ง จะเลือกผู้สืบทอดคนเดียวกัน ซึ่งมีน้อยมากที่หัวหน้าแก๊ง และ ผู้ดูแลนอกแก๊งจะเลือกผู้สืบทอด คนล่ะคนกัน แต่ว่า ในการมอบแหวนวองโกเล่เพื่อหาผู้สืบทอดรุ่นที่ 10 นั้น ทาง วองโกเล่รุ่นที่ 9 เลือกที่จะมอบแหวนให้แก่ Xanxus ซึ่งเป็นลูกชายของตน ส่วน ซาวาดะ อิเอมิสึ ผู้ดูแลนอกแก๊ง กลับเลือกที่จะมอบแหวนให้แก่ ซาวาดะ สึนะ โยชิ ทำให้ ท่านรุ่นที่9 ส่งสารให้มีการจัดการต่อสู้ตัวต่อตัว ของผู้ที่ ครอบครองแหวนวงเดียวกันขึ้น ซึ่งมีทั้งหมด 7 คู่ ได้แก่
ซาซางาวะ เรียวเฮ(Vongola) VS ลุสซูเรีย(Varia) ( แหวนแห่งแสงอรุณ )
แรมโบ้(Vongola) VS เลวี อาแทน(Varia) ( แหวนแห่ง อัสนี )
โกคุเทระ ฮายาโตะ(Vongola) VS เบล เฟกอน(Varia) ( แหวนแห่งวายุ )
ยามาโมโตะ ทาเคชิ(Vongola) VS สเพลฮี สควอโล่(Varia) ( แหวนแห่ง พิรุณ )
โครม โรคุโด(Vongola) VS อัลโกบาเลโน่ มาร์มอน(Varia) (แหวนแห่ง สายหมอก )
ฮิบาริ เคียวยะ(Vongola) VS โกร่ามอสก้า(Varia) (แหวนแห่ง เมฆา)
ซาวาดะ สึนะโยชิ(Vongola) VS Xanxus(Varia) (แหวนแห่ง นภา)
แหวนแห่งแสงอรุณ เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ที่สาดแสงให้ท้องฟ้าสว่างไสว ผู้ครอบครอง ซาซางาวะ เรียวเฮ
แหวนแห่งอัสนี เปรียบเสมือนสายฟ้าที่เก็บซ่อนพลังอำนาจอันร้ายแรงเอาไว้ ผู้ครอบครอง แรมโบ้
แหวนแห่งวายุ เปรียบเสมือนสายลมที่พัดกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ผู้ครอบครอง โกคุเทระ ฮายาโตะ
แหวนแห่งพิรุณ เปรียบเสมือนสายฝนซึ่งจะชำระล้างทุกสรรพสิ่ง ผู้ครอบครอง ยามาโมโตะ ทาเคชิิิ
แหวนแห่งสายหมอก เปรียบเสมือนภาพลวงตาซึ่งไม่สามารถจับต้องตัวจริงได้ ผู้ครอบครอง โครม โดคุโร่
แหวนแห่งเมฆา เปรียบเสมือนเมฆที่ล่องลอยไปตามใจตน ไม่ผูกมัดอยู่กับใคร ผู้ครอบครอง ฮิบาริ เคียวยะ
แหวนแห่งนภา (หัวหน้าแก๊ง) หัวหน้าแก๊งรุ่นแรกถูกเล่าลือกันว่าเป็นที่เหมือนกับแผ่นฟ้า ที่โอบ อุ้มทุกสิ่งเอาไว้ ผู้ครอบครอง
ซาวาดะ สึนะโยชิ
Arcobaleno หมายถึง สายรุ้ง โดยในเรื่องนั้นก็หมายถึงชื่อของเด็กทารก 7 คนที่แกร่งที่สุดในวงการมาเฟีย แต่ละคนก็จะมีจุกนมตามสีของสายรุ้ง 1 สี ประกอบด้วย
รีบอร์น(เหลือง),โคโรเนโร(สีน้ำเงิน),สคัล(สีม่วง),มามอน(สีคราม),Verde(เขียว),Lal Mirch
ลูกกระสุนชนิดพิเศษ & items
กระสุนดับเครื่องชน เป็นกระสุนของรีบอร์น เมื่อไหร่ก็ตามที่ยิงใส่ศีรษะของสึนะ ก็จะสามารถคืนชีพ (Reborn)ได้ หากมีอะไรที่ติดค้างอยู่ในใจก่อนจะตาย (หากไม่มีอะไรค้างคา ก็ไปยมโลกโลด) และ เปลี่ยนจากเด็กหนุ่มสุดอ่อนแอ กลายเป็น หนุ่มสุดแกร่งที่กล้าบ้าบิ่น แต่จะอยู่ในสภาพนี้ได้นานแค่ 5 นาที
หากใช้กระสุนนี้ยิงส่วนอื่นๆของร่างกายล่ะ:
ขา -จะมีกำลังขาที่แข็งแกร่งขึ้น สามารถกระโดดได้สูง เรียก กระสุนกระโดด
แขน ไหล่ ศอก -สามารถทำลายพื้นผนังด้วยหมัดๆเพรียวๆ เรียก กระสุนเมกะตัน
กระดูกสันหลัง-ผิวหนังทนต่อความร้อนและไฟ เรียก กระสุนแผ่นกันความร้อน
ท้ายทอย -มีสปริงผมออกจากศีรษะ ช่วยดีดตัวขณะโดดลงพื้น เรียก กระสุนผมสปริง
สะดือ -ทนต่อการกินอาหารเป็นพิษ เรียก กระสุนกระเพาะเหล็ก
ส้นเท้า -ข้อเท้าหมุนได้ 360 องศา เหมาะสำหรับเคลื่อนที่ในน้ำ
แก้ม -ขนาดแก้มบวมขยาย ทำให้หัวเราะยาก(?) เรียก กระสุนนิราเม็กโกะ (นิราเม็กโกะ เป็นการละเล่นของญี่ปุ่น ที่ผู้เล่นสามารถชนะเกมนี้ได้ ต่อเมื่อ ทำให้ผู้เล่นอีกฝ่ายหัวเราะออกมาก่อน) หรือ กระสุนจ้องหน้าขู่
กำปั้น -ขนาดกำปั้นใหญ่ขึ้น
ใบหน้าซีกซ้าย -ผมยาวขึ้น ยามที่กำลังหายใจติดขัด
กระสุนเสียงบ่น เป็นกระสุนที่พอยิงใส่สึนะแล้ว โดยขณะนอนก็จะได้ยินเสียงคนรู้จักบ่นแบบเรียลไทม์ แถมเป็นการดึงความมุ่งมันที่แฝงในตัวออกมา สำหรับสึนะนั้น คือการมองพลังอย่างทะลุปรุโปร่งซึ่งเป็นลักษณะเด่นประจำสายเลือดของวองโกเล่ พอผนวกกับถุงมือไฮเปอร์ ก็ทำให้สึนะอยู่ในสภาพที่เรียกว่า Hyper Mode
กระสุนสุดระทม กระสุนของโทมาโซ่ แฟมิลี่ พอยิงด้วยกระสุนนี้แล้ว บุคคลผู้นั้นจะฟื้นแต่ทำให้รู้สึกเสียใจ จนถึงขั้นระบายกับสิ่งที่ผิดพลาดที่เกิดขึ้นในชีวิตของผู้ถูกยิง
กระสุนสิงสู่ กระสุนที่สร้างขึ้นโดย เอสทราเนโอ้ แฟมิลี่ พอยิงด้วยกระสุนนี้แล้ว บุคคลผู้นั้นจะสามารถควบคุมร่างกายของผู้อื่นได้ โดยผู้ใช้ต้องเข้มแข็งและเข้ากับกระสุนได้ดี เนื่องจากมันโหดมมาก เลยถูกห้ามใช้โดยวงการมาเฟีย กลายเป็นกระสุนต้องห้าม ในเรื่องคนที่นำออกมาใช้คือ มุคุโร่
X-Gloves สร้างโดย เลอ้อน เดิมเป็นสีขาว แต่พอสึนะเข้าสู่ไฮเปอร์โหมด ก็จะเปลี่ยนเป็นสีดำ มี X สลักไว้บนถุงมือและมีเปลวไฟออกจากมือด้วย สามารถเพิ่มความแข็งแกร่ง ความเร็ว และ เคลื่อนไหวได้คล่องตามที่เขาต้องการ
บาซูก้าทศวรรษ ปืนของแรมโบ้ ซึ่งเมื่อใครก็ตามที่ถูกยิงด้วยปืนนี้ ก็จะสลับสับเปลี่ยนตัวตนของผู้ถูกยิงอีก 10 ปีข้างหน้า ได้นาน 5 นาทีเท่านั้น
Reverse 1t ค้อน 1 ตัน ใช้สำหรับถอนกระสุนดับเครื่องชนที่ติดอยู่ในร่างของคนนั้นๆออก มีรีบอร์นคนเดียวที่สามารถใช้ค้อนนี้ได้
_____________________________________________________________________________________
vongola-family
แฟมิลี่ สุดแกร่ง มีประวัติยาวนานผู้ก่อตั้งคือตั้งคือ ทวดของทวดของ Tsuna ชื่อเรียกของหัวหน้าวองโกเล่มีดังนี้
วองโกเล่รุ่นที่หนึ่ง(Primo) อาวุธคือถุงมือ รูปแบบเดียวกับ Tsuna แต่มีสัญลักษณ์ คือ I ท่าไม้ตาย เดือดทะลุจุดศูนย์ บุคคลที่ถูกกล่าวขานว่า เป็นหัวหน้าที่แข็งแกร่งที่สุดของวองโกเล่ จนได้รับขนานนามว่า บุรุษแห่งนภา วองโกเล่รุ่นแรก ขอแค่เป็นคนที่ถูกใจ จะเป็นใครมาจากไหน ก็ยอมรับได้หมด แฟมิลี่รุ่นแรกมีทั้ง กษัตริย์ ทหาร
มาเฟียคู่แข่ง ผู้นำลัทธิ
วองโกเล่รุ่นที่สอง(Secondo) ท่าไม้ตาย เพลิงพิโรธ อาวุธ ยังไม่ปรากฏ
วองโกเล่รุ่นที่สาม(Terzo) อาวุธ มีด
วองโกเล่รุ่นที่สี่(Quarto) อาวุธคือ ส้อม
วองโกเล่รุ่นที่ห้า(Quinto) อาวุธ ยังไม่ปรากฏ
วองโกเล่รุ่นที่หก(Sesto) อาวุธ ยังไม่ปรากฏ
วองโกเล่รุ่นที่เจ็ด(Settimo) อาวุธคือ ปืน ในบรรดาหัวหน้าแก๊ง รุ่นที่ 7 มีพลังไฟ แผ่วที่สุดในบรรดาหัวหน้าแก๊ง
วองโกเล่รุ่นที่แปด(Ottavo) อาวุธ ยังไม่ปรากฏ (เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวของวองโกเล่ที่ได้เป็นบอส)
วองโกเล่รุ่นที่เก้า(Nono) อาวุธ ไม้คฑา ผู้ที่ถูกขนานนามว่า เป็นผู้เลือกสรรค์ของพระเจ้า เพราะเป็นผู้ที่ มีสายตาที่มองคนทะลุปรุโปร่ง
วองโกเล่รุ่นที่สิบ(Decimo) อาวุธคือ X Glove ถุงมือ ที่มีตัว X หรือ เลข 10 ของโรมัน เป็นเครื่องหมาย โดยในศึกภาคอนาคต X Glove สามารถ รวมพลังกับแหวนแห่งนภา กลายเป็น X Glove Ver.Vongola Ring โดยสัญลักษณ์ของวองโกเล่ จะเข้ามาแทนที่ ตัว X ท่าไม้ตาย เดือดทะลุจุดศูนย์ ,เดือดทะลุจุดศูนย์ฉบับดัดแปลง
วอริเออร์
กลุ่มของนักฆ่าอัจฉริยะซึ่งจะต้องทำภารกิจที่คนธรรมดาไม่สามรถทำได้ และไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่แค่ไหน ก็จะต้องสามารถทำภารกิจให้สำเร็จ ซึ่งความสามารถในการฆ่าอยู่ในขั้นที่เรียกว่า เป็นฝีมือของปีศาจ ทำให้ผู้คนต่างพากันหวาดกลัว และเรียกว่า วอริเออร์ ควอลิต
แหวน ไฟ และกล่อง
ความเป็นมาของแหวนจากปากของรัล แต่เดิมแล้ว แหวน มีเอาไว้สำหรับให้มาเฟีย เอาชีวิตรอดจากยุคมืด มันเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการที่ คนโบราณได้ทำสัญญาเพื่อให้ได้มาซึ่งพลังแห่งความมืดแต่แหวนของมาเฟียซึ่งถูกเก็บรักษามาโดยตลอดด้วย โอเมลดา (กฎแห่งความเงียบ) ต่างก็มีพลังที่เหนือขอบเขต จินตนาการของมนุษย์สถิตอยู่
แหวนและไฟ จากการสอบปากคำ ยามาโตะ แหวนนั้นมีพลังในการเปิดกล่อง ร่างกายของคนนอกจากเลือดแล้วก็ยังมีพลังชีวิตที่มองไม่เห็นไหนอยู่ทั่วร่าง เป็นเหมือนพลังคลื่น พลังคลื่นทั้งหมด มีอยู่ 7 ชนิด เมื่อพลังคลื่นในตัวคนมีคุณสมบัติ ตรงกับพลังคลื่นของแหวน พลังคลื่นก็จะสามารถไหนผ่านไปสู่แหวนได้ แหวนก็จะเปลี่ยนพลังคลื่นที่ไหลผ่านไปนั้น เป็นพลัง งานที่มีความเข้มข้นสูง ที่เรียกว่า พลังไฟดับเครื่องชน
กล่องแต่ละกล่องก็จะมีธาตุของตนเอง เช่นเดียวกับแหวน การที่จะเปิดกล่องได้นั้น พลังคลื่นของ คน แหวน และ กล่องต้องกันกัน ถึงจะสามารถเป็ดกล่องได้ การที่เปิดกล่องไม่ได้นั้น มีอยู่หลายสาเหตุ คือ 1 พลังคลื่นหรือธาตุ ของคน และ แหวน ไม่ตรงกัน หรือ 2 พลังคลื่นของคนนั้น แผ่วเกินไป ที่จะสามารถเปิดกล่องได้ พลังไฟธาตุนภานั้น สามารถเปิดกล่องได้ทุกกล่อง แต่ว่า ไม่สามารถดึงพลังสูงสุด ของกล่องออกมาได้
แหวนวองโกเล่ ( Vongola Ring )
วองโกเล่ริง คือสัญลักษณ์ของวองโกเล่แฟมิลี่ที่กลุ่มแกนนำรวมทั้งหัวหน้าแก๊งรุ่นแรกทั้งหมด7คนหลงเหลือไว้ให้กับคนรุ่นหลัง จึงมีกฎว่าแกนนำทั้ง7คนของแฟมิลี่แต่ละรุ่นจะต้องเป็นผู้รับสืบทอดแหวนทั้ง7วงนี้
วองโกเล่ริงนั้น สามารถแบ่งครึ่งได้ โดยแหวน ครึ่งหนึ่งจะถูกเก็บไว้ที่ หัวหน้าแก๊งของแต่ล่ะรุ่น ส่วนอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ จะถูกเก็บไว้กับ ผู้ดูแลนอกแก๊ง โดยเมื่อถึงวันที่จะมีการสืบทอดตำแหน่งให้กับหัวหน้าแก๊งรุ่นถัดไป แหวนจะถูกทำให้สมบูรณ์เต็มวง ซึ่งแปลว่า ทั้งหัวหน้าแก๊ง และ ผู้ดูแลนอกแก๊ง เลือกผู้สืบทอด หรือก็คือ หัวหน้าแก็งรุ่นถัดไป เป็นคนเดียวกัน โดยส่วนมาก ทั้งหัวหน้าแก๊งและผู้ดูแลนอกแก๊ง จะเลือกผู้สืบทอดคนเดียวกัน ซึ่งมีน้อยมากที่หัวหน้าแก๊ง และ ผู้ดูแลนอกแก๊งจะเลือกผู้สืบทอด คนล่ะคนกัน แต่ว่า ในการมอบแหวนวองโกเล่เพื่อหาผู้สืบทอดรุ่นที่ 10 นั้น ทาง วองโกเล่รุ่นที่ 9 เลือกที่จะมอบแหวนให้แก่ Xanxus ซึ่งเป็นลูกชายของตน ส่วน ซาวาดะ อิเอมิสึ ผู้ดูแลนอกแก๊ง กลับเลือกที่จะมอบแหวนให้แก่ ซาวาดะ สึนะ โยชิ ทำให้ ท่านรุ่นที่9 ส่งสารให้มีการจัดการต่อสู้ตัวต่อตัว ของผู้ที่ ครอบครองแหวนวงเดียวกันขึ้น ซึ่งมีทั้งหมด 7 คู่ ได้แก่
ซาซางาวะ เรียวเฮ(Vongola) VS ลุสซูเรีย(Varia) ( แหวนแห่งแสงอรุณ )
แรมโบ้(Vongola) VS เลวี อาแทน(Varia) ( แหวนแห่ง อัสนี )
โกคุเทระ ฮายาโตะ(Vongola) VS เบล เฟกอน(Varia) ( แหวนแห่งวายุ )
ยามาโมโตะ ทาเคชิ(Vongola) VS สเพลฮี สควอโล่(Varia) ( แหวนแห่ง พิรุณ )
โครม โรคุโด(Vongola) VS อัลโกบาเลโน่ มาร์มอน(Varia) (แหวนแห่ง สายหมอก )
ฮิบาริ เคียวยะ(Vongola) VS โกร่ามอสก้า(Varia) (แหวนแห่ง เมฆา)
ซาวาดะ สึนะโยชิ(Vongola) VS Xanxus(Varia) (แหวนแห่ง นภา)
แหวนแห่งแสงอรุณ เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ที่สาดแสงให้ท้องฟ้าสว่างไสว ผู้ครอบครอง ซาซางาวะ เรียวเฮ
แหวนแห่งอัสนี เปรียบเสมือนสายฟ้าที่เก็บซ่อนพลังอำนาจอันร้ายแรงเอาไว้ ผู้ครอบครอง แรมโบ้
แหวนแห่งวายุ เปรียบเสมือนสายลมที่พัดกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ผู้ครอบครอง โกคุเทระ ฮายาโตะ
แหวนแห่งพิรุณ เปรียบเสมือนสายฝนซึ่งจะชำระล้างทุกสรรพสิ่ง ผู้ครอบครอง ยามาโมโตะ ทาเคชิิิ
แหวนแห่งสายหมอก เปรียบเสมือนภาพลวงตาซึ่งไม่สามารถจับต้องตัวจริงได้ ผู้ครอบครอง โครม โดคุโร่
แหวนแห่งเมฆา เปรียบเสมือนเมฆที่ล่องลอยไปตามใจตน ไม่ผูกมัดอยู่กับใคร ผู้ครอบครอง ฮิบาริ เคียวยะ
แหวนแห่งนภา (หัวหน้าแก๊ง) หัวหน้าแก๊งรุ่นแรกถูกเล่าลือกันว่าเป็นที่เหมือนกับแผ่นฟ้า ที่โอบ อุ้มทุกสิ่งเอาไว้ ผู้ครอบครอง
ซาวาดะ สึนะโยชิ
Arcobaleno หมายถึง สายรุ้ง โดยในเรื่องนั้นก็หมายถึงชื่อของเด็กทารก 7 คนที่แกร่งที่สุดในวงการมาเฟีย แต่ละคนก็จะมีจุกนมตามสีของสายรุ้ง 1 สี ประกอบด้วย
รีบอร์น(เหลือง),โคโรเนโร(สีน้ำเงิน),สคัล(สีม่วง),มามอน(สีคราม),Verde(เขียว),Lal Mirch
ลูกกระสุนชนิดพิเศษ & items
กระสุนดับเครื่องชน เป็นกระสุนของรีบอร์น เมื่อไหร่ก็ตามที่ยิงใส่ศีรษะของสึนะ ก็จะสามารถคืนชีพ (Reborn)ได้ หากมีอะไรที่ติดค้างอยู่ในใจก่อนจะตาย (หากไม่มีอะไรค้างคา ก็ไปยมโลกโลด) และ เปลี่ยนจากเด็กหนุ่มสุดอ่อนแอ กลายเป็น หนุ่มสุดแกร่งที่กล้าบ้าบิ่น แต่จะอยู่ในสภาพนี้ได้นานแค่ 5 นาที
หากใช้กระสุนนี้ยิงส่วนอื่นๆของร่างกายล่ะ:
ขา -จะมีกำลังขาที่แข็งแกร่งขึ้น สามารถกระโดดได้สูง เรียก กระสุนกระโดด
แขน ไหล่ ศอก -สามารถทำลายพื้นผนังด้วยหมัดๆเพรียวๆ เรียก กระสุนเมกะตัน
กระดูกสันหลัง-ผิวหนังทนต่อความร้อนและไฟ เรียก กระสุนแผ่นกันความร้อน
ท้ายทอย -มีสปริงผมออกจากศีรษะ ช่วยดีดตัวขณะโดดลงพื้น เรียก กระสุนผมสปริง
สะดือ -ทนต่อการกินอาหารเป็นพิษ เรียก กระสุนกระเพาะเหล็ก
ส้นเท้า -ข้อเท้าหมุนได้ 360 องศา เหมาะสำหรับเคลื่อนที่ในน้ำ
แก้ม -ขนาดแก้มบวมขยาย ทำให้หัวเราะยาก(?) เรียก กระสุนนิราเม็กโกะ (นิราเม็กโกะ เป็นการละเล่นของญี่ปุ่น ที่ผู้เล่นสามารถชนะเกมนี้ได้ ต่อเมื่อ ทำให้ผู้เล่นอีกฝ่ายหัวเราะออกมาก่อน) หรือ กระสุนจ้องหน้าขู่
กำปั้น -ขนาดกำปั้นใหญ่ขึ้น
ใบหน้าซีกซ้าย -ผมยาวขึ้น ยามที่กำลังหายใจติดขัด
กระสุนเสียงบ่น เป็นกระสุนที่พอยิงใส่สึนะแล้ว โดยขณะนอนก็จะได้ยินเสียงคนรู้จักบ่นแบบเรียลไทม์ แถมเป็นการดึงความมุ่งมันที่แฝงในตัวออกมา สำหรับสึนะนั้น คือการมองพลังอย่างทะลุปรุโปร่งซึ่งเป็นลักษณะเด่นประจำสายเลือดของวองโกเล่ พอผนวกกับถุงมือไฮเปอร์ ก็ทำให้สึนะอยู่ในสภาพที่เรียกว่า Hyper Mode
กระสุนสุดระทม กระสุนของโทมาโซ่ แฟมิลี่ พอยิงด้วยกระสุนนี้แล้ว บุคคลผู้นั้นจะฟื้นแต่ทำให้รู้สึกเสียใจ จนถึงขั้นระบายกับสิ่งที่ผิดพลาดที่เกิดขึ้นในชีวิตของผู้ถูกยิง
กระสุนสิงสู่ กระสุนที่สร้างขึ้นโดย เอสทราเนโอ้ แฟมิลี่ พอยิงด้วยกระสุนนี้แล้ว บุคคลผู้นั้นจะสามารถควบคุมร่างกายของผู้อื่นได้ โดยผู้ใช้ต้องเข้มแข็งและเข้ากับกระสุนได้ดี เนื่องจากมันโหดมมาก เลยถูกห้ามใช้โดยวงการมาเฟีย กลายเป็นกระสุนต้องห้าม ในเรื่องคนที่นำออกมาใช้คือ มุคุโร่
X-Gloves สร้างโดย เลอ้อน เดิมเป็นสีขาว แต่พอสึนะเข้าสู่ไฮเปอร์โหมด ก็จะเปลี่ยนเป็นสีดำ มี X สลักไว้บนถุงมือและมีเปลวไฟออกจากมือด้วย สามารถเพิ่มความแข็งแกร่ง ความเร็ว และ เคลื่อนไหวได้คล่องตามที่เขาต้องการ
บาซูก้าทศวรรษ ปืนของแรมโบ้ ซึ่งเมื่อใครก็ตามที่ถูกยิงด้วยปืนนี้ ก็จะสลับสับเปลี่ยนตัวตนของผู้ถูกยิงอีก 10 ปีข้างหน้า ได้นาน 5 นาทีเท่านั้น
Reverse 1t ค้อน 1 ตัน ใช้สำหรับถอนกระสุนดับเครื่องชนที่ติดอยู่ในร่างของคนนั้นๆออก มีรีบอร์นคนเดียวที่สามารถใช้ค้อนนี้ได้
_____________________________________________________________________________________
ป้ายกำกับ:
ประวัติศาสตร์อันยาวนานของ วองโกเล่ แฟมิลี่
เคล็ดลับเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ [ 3 ]
ทำอย่างไรเพื่อถนอมสายตาและป้องกันโรคจากการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
การเล่นคอมพิวเตอร์ ควรนั่งให้ห่างประมาณ 1 ฟุต นั่งเอนหลังให้สบาย ควรใช้เก้าอี้นั่งที่มีพนักพิงรองรับเข้ากับรูปทรงของแผ่นหลัง เพราะจะช่วยลดอาการปวดหลังที่อาจเกิดขึ้นได้ ควรเล่นติดต่อกันแต่ละครั้งไม่มากกว่า 45-60 นาที ควรจะกระพริบตา, หลับตา หรือหยุดพักสายตาโดยมองต้นไม้ หรือ มองอะไรที่ไกลตาออกไป (มากกว่า 6 ฟุต - ก็คงต้องเป็นนอกหน้าต่าง) สัก 5-10 นาที แล้วค่อยกลับมานั่งหน้าจอกันใหม่ เนื่องจากการมองระยะใกล้นานๆ การโฟกัสตาต้องใช้กล้ามเนื้อตามากกว่าการมองไกล ถ้ามองนานๆ ในบางคนอาจมีการเกร็งค้างของกล้ามเนื้อตา ทำให้การมองเห็นระยะไกลมัวได้
วางจอภาพ(ระดับ ของกึ่งกลางจอภาพนะครับ)ให้ต่ำกว่าระดับสายตา ถ้า case ของคุณเป็น Tower ตั้งจอกับพื้นโต๊ะ หน้าจอตรงๆ หรือก้มนิดหน่อย คุณจะได้ไม่ต้องเงยหน้า อันนี้จะมีผลระยะยาว ถ้าคุณเงยคอนานๆ นอกจากจะเมื่อยคอแล้ว กระดูกต้นคอคุณจะเสียรูปด้วย และไม่ต่ำไปกว่าระดับราวนม ในขณะที่คีย์บอร์ด ควรอยู่ระดับราวนม ถึงระดับเอว
การเลือกสีพื้นหลัง ไม่ค่อยมีผลกับสายตามากครับ แต่ถ้าจะให้แนะนำก็เป็นสีเขียวเข้ม กะสีฟ้า-น้ำเงิน ที่ไม่สดนักครับ ส่วนสีตัวหนังสือควรเป็นสีดำ เพราะมีผลการวิจัยพบว่า การอ่านหนังสือบนกระดาษสีขาว ตัวหนังสือสีดำ อาจจะมีผลทำให้สายตาสั้นได้ ถ้าเป็นไปได้ควรใช้กระดาษสีขาวปนฟ้า หรือ สีฟ้า ตัวหนังสือสีดำ *** ไม่ยืนยันผลการวิจัยนะครับ ***
ปรับจอภาพให้พอดีที่สุด ถ้าคุณใช้งานคนเดียว ปรับให้เนี๊ยบเลย แล้วไม่ต้องปรับอีกตลอดชาติ เช่น แสง (ความสว่าง) สำคัญที่สุด อย่าให้จ้าเกินไป ออกทึบนิดนึงก็ได้ เพราะคุณต้องอยู่กับมันครั้งละนานๆ สี ไม่ต้องให้จัดจ้านเกินไป เอาพอสวย ตัวหนังสือ ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป เอาให้เราดูแล้วสบายตา (ของเราเอง) ตัวหนังสือใหญ่ ไม่ใช่จะดีเสมอไป บางครั้งดูเหมือนมันตะโกนใส่หน้าเรา หรือเราต้องแหกตาดูมัน จริงมั้ย
Resolution setting ให้เหมาะ ขนาด 800x600 น่าจะกำลังพอดี Refresh Rate ประมาณ 75 Hzขึ้นไป คุณสามารถปรับ Refresh Rate ได้ตามคู่มือของจอครับ ไม่มีผลเสียหายอะไร ถ้าเขาบอกว่าทำได้ก็ทำไปเลยครับ เหตุที่มี Refresh Rate สูงๆ ก็เพื่อลดความพลิ้วของจอ ให้มองจอได้ชัด ๆ น่ะครับ
การเซ็ตความคมชัดและแสงสว่าง ปกติขึ้นกับความพอใจนะครับ แต่หากจะให้สบายตาควรลด Brightness ลงสักหน่อย ส่วน Contrast สามารถเพิ่มได้เต็มครับ ภาพจะคมชัดขึ้น และถนอมจอถนอมสายตาด้วยครับ ควรป้องการไม่ให้เกิดแสงสะท้อนบนหน้าจอ โดยจัดหน้าจอไม่ให้หันเข้าหน้าต่าง
ถ้ารู้สึกง่วง, ล้า หรือปวดตา เมื่อทำงานนานๆ ให้พักเสียบ้างดีที่สุด อย่าหักโหมหรือดันทุรัง สุขภาพก็เสีย งานก็ไม่ได้ ตาก็จะพังด้วย
เมื่อเรานั่งอ่าน หรือนั่งหน้าคอมนานๆ ตาเราจะกระพริบด้วยความถี่น้อยกว่าปกติ (การกระพริบตาปกติ จะประมาณ 1 ครั้งทุก 5 วินาที ซึ่งเป็นการเอาน้ำตามาเคลือบด้านหน้าของกระจกตาดำ ให้คงความชื้นเสมอ และเป็นการล้างเอาสิ่งสกปรกออก) ดังนั้น ในผู้ที่มีความเสี่ยง เช่น มีต้อเนื้อ ต้อลม หรือเป็นโรคตาแห้ง น้ำตาขาดคุณภาพ ควรจะรักษาให้หาย และใช้คอมพิวเตอร์ให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น ไม่แนะนำให้ใช้แผ่นกรองแสง เพราะ 1. เสียสตางค์ ซื้อแผ่นกรองแสง 2. เมื่อมีแผ่นกรองแสงมาบัง คุณต้องเร่งแสงและสี สู้กับแผ่นกรองแสง จอภาพจะต้องทำงานหนักขึ้น 3. คุณจะไม่ได้คุณภาพของสีที่แท้จริง ...ขอย้ำว่า แผ่นกรองแสงไม่ได้ช่วยคุณได้ ความพอดีของคุณนั่นแหละจะช่วยคุณ
วางแขนให้สบายๆ จัดวางต้นแขน ข้อมือ และมือให้อยู่ในท่าที่สบายๆ เป็นธรรมชาติที่สุด ไม่รู้สึกเกร็งหรือฝืนๆ การพิมพ์ก็ให้กดแป้นพิมพ์อย่างนิ่มนวลไม่ควรกดกระแทกแป้นพิมพ์แรงๆ เพราะเมื่อทำต่อเนื่องไปนานๆ อาจจะทำให้รู้สึกเมื่อยและเจ็บนิ้วเร็วกว่าปรกติก็ได้
ขยับตัว บิดซ้ายบิดขวาบ้าง ให้มีการหยุดพักบ้างเป็นครั้งคราว ขยับแขนขาและลำตัวเพื่อลดความเมื่อยล้าและอาการเกร็งลง หรืออาจจะเปลี่ยนไปทำงานอย่างอื่นบ้างเป็นช่วงๆ
ไม่ควรวางจอภาพและคอมพิวเตอร์ในที่ที่มีแดดส่องถึงโดยตรง หรือแหล่งกำเนิดความร้อนอื่นใด เช่น ฮีตเตอร์,เตาไมโครเวฟ, เตาผิง,เตาแก๊ส,เตารีด
ไม่ควรวางจอภาพและคอมพิวเตอร์ในที่ที่เปียก มีความชื้นสูง หรือมีฝุ่นมาก หรือบนพื้นที่อ่อนนุ่ม ไม่แข็งแรง เช่นบนโซฟา,เตียง ยกเว้นคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คหรือปาล์ม
ไม่ควรวางคอมพิวเตอร์ไว้ใต้แอร์(แอร์อาจมีน้ำหยดได้) หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่สามารถให้กำเนิดสนามแม่เหล็กแรงสูงเช่น พัดลมขนาดใหญ่, มอเตอร์ไฟฟ้า, ตู้เย็น,หม้อแปลงไฟฟ้า,ลำโพงที่ไม่ได้ชีลด์ป้องกันสนามแม่เหล็ก เป็นต้น เพราะอุปกรณ์เหล่านั้นส่งสนามแม่เหล็กไฟฟ้ารบกวนการทำงานของจอภาพ ทำให้จอสั่นได้
ไม่ควรวางสิ่งของต่างๆบนจอภาพ หรือคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะต้นกระบองเพชร เพราะอาจจะเศษดินทรายหรือมีหยดน้ำเข้าไปในจอภาพ หรือคอมพิวเตอร์ได้
การความความสะอาดจอภาพและคอมพิวเตอร์ ควรใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำยาทำความสะอาด หรือ ฟองน้ำชุบน้ำพอเปียกชื้นๆเช็ด ไม่ควรใช้แอลกอฮอล์หรือน้ำยาที่มีสารแอมโมเนีย เช็ด
_____________________________________________________________________________________
การเล่นคอมพิวเตอร์ ควรนั่งให้ห่างประมาณ 1 ฟุต นั่งเอนหลังให้สบาย ควรใช้เก้าอี้นั่งที่มีพนักพิงรองรับเข้ากับรูปทรงของแผ่นหลัง เพราะจะช่วยลดอาการปวดหลังที่อาจเกิดขึ้นได้ ควรเล่นติดต่อกันแต่ละครั้งไม่มากกว่า 45-60 นาที ควรจะกระพริบตา, หลับตา หรือหยุดพักสายตาโดยมองต้นไม้ หรือ มองอะไรที่ไกลตาออกไป (มากกว่า 6 ฟุต - ก็คงต้องเป็นนอกหน้าต่าง) สัก 5-10 นาที แล้วค่อยกลับมานั่งหน้าจอกันใหม่ เนื่องจากการมองระยะใกล้นานๆ การโฟกัสตาต้องใช้กล้ามเนื้อตามากกว่าการมองไกล ถ้ามองนานๆ ในบางคนอาจมีการเกร็งค้างของกล้ามเนื้อตา ทำให้การมองเห็นระยะไกลมัวได้
วางจอภาพ(ระดับ ของกึ่งกลางจอภาพนะครับ)ให้ต่ำกว่าระดับสายตา ถ้า case ของคุณเป็น Tower ตั้งจอกับพื้นโต๊ะ หน้าจอตรงๆ หรือก้มนิดหน่อย คุณจะได้ไม่ต้องเงยหน้า อันนี้จะมีผลระยะยาว ถ้าคุณเงยคอนานๆ นอกจากจะเมื่อยคอแล้ว กระดูกต้นคอคุณจะเสียรูปด้วย และไม่ต่ำไปกว่าระดับราวนม ในขณะที่คีย์บอร์ด ควรอยู่ระดับราวนม ถึงระดับเอว
การเลือกสีพื้นหลัง ไม่ค่อยมีผลกับสายตามากครับ แต่ถ้าจะให้แนะนำก็เป็นสีเขียวเข้ม กะสีฟ้า-น้ำเงิน ที่ไม่สดนักครับ ส่วนสีตัวหนังสือควรเป็นสีดำ เพราะมีผลการวิจัยพบว่า การอ่านหนังสือบนกระดาษสีขาว ตัวหนังสือสีดำ อาจจะมีผลทำให้สายตาสั้นได้ ถ้าเป็นไปได้ควรใช้กระดาษสีขาวปนฟ้า หรือ สีฟ้า ตัวหนังสือสีดำ *** ไม่ยืนยันผลการวิจัยนะครับ ***
ปรับจอภาพให้พอดีที่สุด ถ้าคุณใช้งานคนเดียว ปรับให้เนี๊ยบเลย แล้วไม่ต้องปรับอีกตลอดชาติ เช่น แสง (ความสว่าง) สำคัญที่สุด อย่าให้จ้าเกินไป ออกทึบนิดนึงก็ได้ เพราะคุณต้องอยู่กับมันครั้งละนานๆ สี ไม่ต้องให้จัดจ้านเกินไป เอาพอสวย ตัวหนังสือ ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป เอาให้เราดูแล้วสบายตา (ของเราเอง) ตัวหนังสือใหญ่ ไม่ใช่จะดีเสมอไป บางครั้งดูเหมือนมันตะโกนใส่หน้าเรา หรือเราต้องแหกตาดูมัน จริงมั้ย
Resolution setting ให้เหมาะ ขนาด 800x600 น่าจะกำลังพอดี Refresh Rate ประมาณ 75 Hzขึ้นไป คุณสามารถปรับ Refresh Rate ได้ตามคู่มือของจอครับ ไม่มีผลเสียหายอะไร ถ้าเขาบอกว่าทำได้ก็ทำไปเลยครับ เหตุที่มี Refresh Rate สูงๆ ก็เพื่อลดความพลิ้วของจอ ให้มองจอได้ชัด ๆ น่ะครับ
การเซ็ตความคมชัดและแสงสว่าง ปกติขึ้นกับความพอใจนะครับ แต่หากจะให้สบายตาควรลด Brightness ลงสักหน่อย ส่วน Contrast สามารถเพิ่มได้เต็มครับ ภาพจะคมชัดขึ้น และถนอมจอถนอมสายตาด้วยครับ ควรป้องการไม่ให้เกิดแสงสะท้อนบนหน้าจอ โดยจัดหน้าจอไม่ให้หันเข้าหน้าต่าง
ถ้ารู้สึกง่วง, ล้า หรือปวดตา เมื่อทำงานนานๆ ให้พักเสียบ้างดีที่สุด อย่าหักโหมหรือดันทุรัง สุขภาพก็เสีย งานก็ไม่ได้ ตาก็จะพังด้วย
เมื่อเรานั่งอ่าน หรือนั่งหน้าคอมนานๆ ตาเราจะกระพริบด้วยความถี่น้อยกว่าปกติ (การกระพริบตาปกติ จะประมาณ 1 ครั้งทุก 5 วินาที ซึ่งเป็นการเอาน้ำตามาเคลือบด้านหน้าของกระจกตาดำ ให้คงความชื้นเสมอ และเป็นการล้างเอาสิ่งสกปรกออก) ดังนั้น ในผู้ที่มีความเสี่ยง เช่น มีต้อเนื้อ ต้อลม หรือเป็นโรคตาแห้ง น้ำตาขาดคุณภาพ ควรจะรักษาให้หาย และใช้คอมพิวเตอร์ให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น ไม่แนะนำให้ใช้แผ่นกรองแสง เพราะ 1. เสียสตางค์ ซื้อแผ่นกรองแสง 2. เมื่อมีแผ่นกรองแสงมาบัง คุณต้องเร่งแสงและสี สู้กับแผ่นกรองแสง จอภาพจะต้องทำงานหนักขึ้น 3. คุณจะไม่ได้คุณภาพของสีที่แท้จริง ...ขอย้ำว่า แผ่นกรองแสงไม่ได้ช่วยคุณได้ ความพอดีของคุณนั่นแหละจะช่วยคุณ
วางแขนให้สบายๆ จัดวางต้นแขน ข้อมือ และมือให้อยู่ในท่าที่สบายๆ เป็นธรรมชาติที่สุด ไม่รู้สึกเกร็งหรือฝืนๆ การพิมพ์ก็ให้กดแป้นพิมพ์อย่างนิ่มนวลไม่ควรกดกระแทกแป้นพิมพ์แรงๆ เพราะเมื่อทำต่อเนื่องไปนานๆ อาจจะทำให้รู้สึกเมื่อยและเจ็บนิ้วเร็วกว่าปรกติก็ได้
ขยับตัว บิดซ้ายบิดขวาบ้าง ให้มีการหยุดพักบ้างเป็นครั้งคราว ขยับแขนขาและลำตัวเพื่อลดความเมื่อยล้าและอาการเกร็งลง หรืออาจจะเปลี่ยนไปทำงานอย่างอื่นบ้างเป็นช่วงๆ
ไม่ควรวางจอภาพและคอมพิวเตอร์ในที่ที่มีแดดส่องถึงโดยตรง หรือแหล่งกำเนิดความร้อนอื่นใด เช่น ฮีตเตอร์,เตาไมโครเวฟ, เตาผิง,เตาแก๊ส,เตารีด
ไม่ควรวางจอภาพและคอมพิวเตอร์ในที่ที่เปียก มีความชื้นสูง หรือมีฝุ่นมาก หรือบนพื้นที่อ่อนนุ่ม ไม่แข็งแรง เช่นบนโซฟา,เตียง ยกเว้นคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คหรือปาล์ม
ไม่ควรวางคอมพิวเตอร์ไว้ใต้แอร์(แอร์อาจมีน้ำหยดได้) หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่สามารถให้กำเนิดสนามแม่เหล็กแรงสูงเช่น พัดลมขนาดใหญ่, มอเตอร์ไฟฟ้า, ตู้เย็น,หม้อแปลงไฟฟ้า,ลำโพงที่ไม่ได้ชีลด์ป้องกันสนามแม่เหล็ก เป็นต้น เพราะอุปกรณ์เหล่านั้นส่งสนามแม่เหล็กไฟฟ้ารบกวนการทำงานของจอภาพ ทำให้จอสั่นได้
ไม่ควรวางสิ่งของต่างๆบนจอภาพ หรือคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะต้นกระบองเพชร เพราะอาจจะเศษดินทรายหรือมีหยดน้ำเข้าไปในจอภาพ หรือคอมพิวเตอร์ได้
การความความสะอาดจอภาพและคอมพิวเตอร์ ควรใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำยาทำความสะอาด หรือ ฟองน้ำชุบน้ำพอเปียกชื้นๆเช็ด ไม่ควรใช้แอลกอฮอล์หรือน้ำยาที่มีสารแอมโมเนีย เช็ด
_____________________________________________________________________________________
วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552
เคล็ดลับเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ [ 2 ]
เคล็ดลับเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2
เคล็ดลับที่ช่วยให้เครื่องมีประสิทธิภาพดีกว่าเดิม
ถ้า Shut Down ช้า ก็ลองทำตามนี้นะครับ
1. เข้าไปที่คีย์ HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Contro l
2. ดับเบิลคลิกที่ WaitToKillServiceTimeout
3. แก้ค่า Value data เป็น 1
4. เข้าไปที่คีย์ HKEY_CURRENT_USER\Control Panel\Desktop
5. ดับเบิลคลิกที่ AutoEndTasks แก้ค่า Value data เป็น 1
6. ดับเบิลคลิกที่ HungAppTimeout แก้ค่า Value data เป็น 1
7. ดับเบิลคลิกที่ WaitToKillAppTimeout แก้ค่า Value data เป็น 1
ยกเลิกการโหลดไฟล์ DLL
1. เข้าไปที่คีย์ HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows\Curr entVersion\Explorer
2. คลิกขวาที่ Explorer แล้วเลือกที่ New --> key
3. พิมพ์คีย์เป็น AlwaysUnloadDLL
4. ดับเบิลคลิกที่รีจิสทรี Default
5. แก้ค่า Value data เป็น 1
6. คลิก OK แล้วบูตเครื่องใหม่
เพิ่มความเร็วด้วยการจัดคิวให้ IRQ
1. เข้าไปที่คีย์ HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Contro l\PriorityControl
2. คลิกขวาที่ PriorityControl แล้วเลือก New --> DWORD
3. พิมพ์ชื่อว่า IRQ8Priority
4. ดับเบิลคลิกที่ IRQ8Priority
5. แก้ค่า Value data เป็น 1
6. คลิก OK แล้วบูตเครื่องใหม่
จูนหน่วยความจำสำหรับงานต่างๆ
1. เข้าไปที่คีย์ HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Contro l\Session Manager\Memory Management
2. ดับเบิลคลิกที่ LargeSystemCache
3. แก้ค่า Value data เป็น 1
4. คลิก OK
เพิ่มบัฟเฟอร์ให้คีย์บอร์ดและเมาส์
1. เข้าไปที่คีย์ HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Servic es\Kbdclass\Parameters
2. ดับเบิลคลิกที่ KeyboardDataQueueSize
3. แก้ค่า Value data เป็น 100
4. แล้วเลือกเป็น Decimal
5. คลิก OK
6. เข้าไปที่คีย์ HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Servic es\Mouclass\Parameters
7. ดับเบิลคลิกที่ MouseDataQueueSize
8. แก้ค่า Value data เป็น 100
9. แล้วเลือกเป็น Decimal
10 คลิก OK
ลบข้อมูลใน Page File หลังปิดเครื่องแล้ว
โดยปกติ Windows จะไม่ลบ Page File หลังขากที่ปิดโปรแกรมหรือ Windows นั่นหมายความว่า ถ้าเราใช้งานเครื่องมากๆ อาจจะทำให้เครื่องช้าลงได้
1. เข้าไปที่คีย์ HKEY_LOCAL_MACHINE\System\CurrentControlSet\Contro l\Session Manager\Memory Management
2. ดับเบิลคลิกที่ ClearPageFileAtShutdown
3. พิมพ์ค่า 1 ลงไปใน Value data
4. คลิก OK แล้วบูตเครื่องใหม่
เพิ่มความเร็วให้กับเมนู Start
โดยเปลี่ยนแปลงค่าในรีจิสตรี้ HKEY_CURRENT_USER/Control Panel/Desktop/MenuShowDelay จากค่าปกติคือ 400 ให้เป็นค่าที่น้อยลง เช่น 40 หรือ 0
เพิ่มขนาดการรับ-ส่งข้อมูล MTU
1. เลือกที่คีย์ HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Servic es\Tcpip\Parameters\Interfaces
2. จากนั้นคลิกขวาที่โฟลเดอร์แรก แล้วเลือกที่ New > DWORD Value
3. แล้วพิมพ์ชื่อว่า MTU
4. ดับเบิ้ลคลิกที่ MTU
5. แก้ไขค่าความเร๊วที่ต้องการ
จะมีให้เลือก
เลขที่ใส่ เน็ตที่ใช้
576 : Dial-up Connections
1492 : PPP Broadband Connections
1500 : Ethernet , DSL และ Cable Broadband Connections
6. เลือกที่จุด Decimal แล้วกด OK ครับ
เปลี่ยนชื่อเจ้าของเครื่อง
HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows NT\CurrentVersion
หาดูคำว่า RegisteredOwner และ RegisteredOrganization จากนั้นก็จัดการเปลี่ยนได้เลยครับ
ตัดคำว่า Shortcut to...
1. เปิดโปรแกรม Registry ขึ้นมาโดยไปที่ Start > Run พิมพ์ regedit แล้ว Enter
2. ไปที่คีย์ HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\Curre ntVersion\Explorer
3. ที่ด้านขวามือให้ดับเบิ้ลคลิกที่ Link จะมีหน้าต่าง Edit Binary Value ขึ้นมาที่ Value data ให้พิมพ์ค่า 00 00 00 00 แล้วคลิก OK แล้วปิด Registry จากนั้นให้ Restart เครื่องใหม่ เพียงเท่านี้ก็เสร็จแล้ว
ปรับความเร็วโดยเพิ่มประสิทธิาพให้ CPU XP
เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้ซีพียูโดยปรับขนาดของ Cash L2 ที่เหมาะสมในซีพียูดูการปรับดังนี้
1. คลิกที่ Start
2. เลือกแถบรายการ Run
3. ที่ช่อง Open พิมพ์คำว่า regedit แล้วคลิกปุ่ม OK
4. เข้าไปปรับแต่งที่ HKEY_LOCAL_MACHIN\SYSTEM\CurrentControlSet\Control \Session Manager\Memory Management
5. ที่หน้าต่างด้านบนขวา ให้คลิกที่ SecondLevlData...
6. เลือกรายการ Modify
7. จะปรากฎหน้าต่าง Edit DWORD Value
8. ที่กรอบรายการ Base : คลิกเม้าส์ที่ Decimal ( ใส่ตัวเลขธรรมดา)
9. ที่กรอบรายการ Value data : ใส้ค่าไป 125 (ดูได้จากคู่มือเมนบอร์ดและซีพียูบางรุ่นอาจเป็น Cash L2 ขนาด 256 หรือ 512)
10. คลิก OK
ติดจรวดเล่นอินเตอร์เน็ตให้กับ Windows XP
การใช้งานอินตอร์เน็ตบางครั้งจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่ก ับส่วนประกอบหลายด้านเราก็ พยายามหาหนทางปรับแต่งให้ถูกใจ และถูกเงิน วิธีนี้เป็นอีกวิธีที่ทำให้การท่องอินเตอร์เน็ตได้รว ดเร็วยิ่งขึ้น
1. คลิกที่ปุ่ม Start
2. เลือกที่แถบรายการ Run
3. ที่ช่อง Open พิมพ์คำว่า gpedit.msc แล้วคลิก OK
4. จะแสดงหน้าต่างของการปรับแต่ง Group Policy
5. ที่ Computer Configaration เลือกแถบ Administrative Templates
6. หัวข้อ Network เลือกที่ QoS Packet Scheduler
7. มองหน้าต่างด้านขวามือ ให้ดับเบิ้ลคลิกที่ Limit reservable bandwidth
8. จะปรากฎกรอบหน้าต่างใหม่ Limit reservable bandwidth Properties
9. เลือกแถบ Setting คลิกที่ช่อง Enable
10. ในช่อง bandwidth limit (%) : ปรับค่าเป็น 0
11. คลิก OK เพื่อยืนยันการใช้งาน
การลบ File Temporary ของ Windows XP ที่ง่ายและเร็วที่สุด
1. ไปที่เมนู Start > Run
2. แล้วพิมพ์ %temp% แล้วก็เลือกลบได้เลยครับ.
_____________________________________________________________________________________
เคล็ดลับที่ช่วยให้เครื่องมีประสิทธิภาพดีกว่าเดิม
ถ้า Shut Down ช้า ก็ลองทำตามนี้นะครับ
1. เข้าไปที่คีย์ HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Contro l
2. ดับเบิลคลิกที่ WaitToKillServiceTimeout
3. แก้ค่า Value data เป็น 1
4. เข้าไปที่คีย์ HKEY_CURRENT_USER\Control Panel\Desktop
5. ดับเบิลคลิกที่ AutoEndTasks แก้ค่า Value data เป็น 1
6. ดับเบิลคลิกที่ HungAppTimeout แก้ค่า Value data เป็น 1
7. ดับเบิลคลิกที่ WaitToKillAppTimeout แก้ค่า Value data เป็น 1
ยกเลิกการโหลดไฟล์ DLL
1. เข้าไปที่คีย์ HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows\Curr entVersion\Explorer
2. คลิกขวาที่ Explorer แล้วเลือกที่ New --> key
3. พิมพ์คีย์เป็น AlwaysUnloadDLL
4. ดับเบิลคลิกที่รีจิสทรี Default
5. แก้ค่า Value data เป็น 1
6. คลิก OK แล้วบูตเครื่องใหม่
เพิ่มความเร็วด้วยการจัดคิวให้ IRQ
1. เข้าไปที่คีย์ HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Contro l\PriorityControl
2. คลิกขวาที่ PriorityControl แล้วเลือก New --> DWORD
3. พิมพ์ชื่อว่า IRQ8Priority
4. ดับเบิลคลิกที่ IRQ8Priority
5. แก้ค่า Value data เป็น 1
6. คลิก OK แล้วบูตเครื่องใหม่
จูนหน่วยความจำสำหรับงานต่างๆ
1. เข้าไปที่คีย์ HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Contro l\Session Manager\Memory Management
2. ดับเบิลคลิกที่ LargeSystemCache
3. แก้ค่า Value data เป็น 1
4. คลิก OK
เพิ่มบัฟเฟอร์ให้คีย์บอร์ดและเมาส์
1. เข้าไปที่คีย์ HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Servic es\Kbdclass\Parameters
2. ดับเบิลคลิกที่ KeyboardDataQueueSize
3. แก้ค่า Value data เป็น 100
4. แล้วเลือกเป็น Decimal
5. คลิก OK
6. เข้าไปที่คีย์ HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Servic es\Mouclass\Parameters
7. ดับเบิลคลิกที่ MouseDataQueueSize
8. แก้ค่า Value data เป็น 100
9. แล้วเลือกเป็น Decimal
10 คลิก OK
ลบข้อมูลใน Page File หลังปิดเครื่องแล้ว
โดยปกติ Windows จะไม่ลบ Page File หลังขากที่ปิดโปรแกรมหรือ Windows นั่นหมายความว่า ถ้าเราใช้งานเครื่องมากๆ อาจจะทำให้เครื่องช้าลงได้
1. เข้าไปที่คีย์ HKEY_LOCAL_MACHINE\System\CurrentControlSet\Contro l\Session Manager\Memory Management
2. ดับเบิลคลิกที่ ClearPageFileAtShutdown
3. พิมพ์ค่า 1 ลงไปใน Value data
4. คลิก OK แล้วบูตเครื่องใหม่
เพิ่มความเร็วให้กับเมนู Start
โดยเปลี่ยนแปลงค่าในรีจิสตรี้ HKEY_CURRENT_USER/Control Panel/Desktop/MenuShowDelay จากค่าปกติคือ 400 ให้เป็นค่าที่น้อยลง เช่น 40 หรือ 0
เพิ่มขนาดการรับ-ส่งข้อมูล MTU
1. เลือกที่คีย์ HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Servic es\Tcpip\Parameters\Interfaces
2. จากนั้นคลิกขวาที่โฟลเดอร์แรก แล้วเลือกที่ New > DWORD Value
3. แล้วพิมพ์ชื่อว่า MTU
4. ดับเบิ้ลคลิกที่ MTU
5. แก้ไขค่าความเร๊วที่ต้องการ
จะมีให้เลือก
เลขที่ใส่ เน็ตที่ใช้
576 : Dial-up Connections
1492 : PPP Broadband Connections
1500 : Ethernet , DSL และ Cable Broadband Connections
6. เลือกที่จุด Decimal แล้วกด OK ครับ
เปลี่ยนชื่อเจ้าของเครื่อง
HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows NT\CurrentVersion
หาดูคำว่า RegisteredOwner และ RegisteredOrganization จากนั้นก็จัดการเปลี่ยนได้เลยครับ
ตัดคำว่า Shortcut to...
1. เปิดโปรแกรม Registry ขึ้นมาโดยไปที่ Start > Run พิมพ์ regedit แล้ว Enter
2. ไปที่คีย์ HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\Curre ntVersion\Explorer
3. ที่ด้านขวามือให้ดับเบิ้ลคลิกที่ Link จะมีหน้าต่าง Edit Binary Value ขึ้นมาที่ Value data ให้พิมพ์ค่า 00 00 00 00 แล้วคลิก OK แล้วปิด Registry จากนั้นให้ Restart เครื่องใหม่ เพียงเท่านี้ก็เสร็จแล้ว
ปรับความเร็วโดยเพิ่มประสิทธิาพให้ CPU XP
เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้ซีพียูโดยปรับขนาดของ Cash L2 ที่เหมาะสมในซีพียูดูการปรับดังนี้
1. คลิกที่ Start
2. เลือกแถบรายการ Run
3. ที่ช่อง Open พิมพ์คำว่า regedit แล้วคลิกปุ่ม OK
4. เข้าไปปรับแต่งที่ HKEY_LOCAL_MACHIN\SYSTEM\CurrentControlSet\Control \Session Manager\Memory Management
5. ที่หน้าต่างด้านบนขวา ให้คลิกที่ SecondLevlData...
6. เลือกรายการ Modify
7. จะปรากฎหน้าต่าง Edit DWORD Value
8. ที่กรอบรายการ Base : คลิกเม้าส์ที่ Decimal ( ใส่ตัวเลขธรรมดา)
9. ที่กรอบรายการ Value data : ใส้ค่าไป 125 (ดูได้จากคู่มือเมนบอร์ดและซีพียูบางรุ่นอาจเป็น Cash L2 ขนาด 256 หรือ 512)
10. คลิก OK
ติดจรวดเล่นอินเตอร์เน็ตให้กับ Windows XP
การใช้งานอินตอร์เน็ตบางครั้งจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่ก ับส่วนประกอบหลายด้านเราก็ พยายามหาหนทางปรับแต่งให้ถูกใจ และถูกเงิน วิธีนี้เป็นอีกวิธีที่ทำให้การท่องอินเตอร์เน็ตได้รว ดเร็วยิ่งขึ้น
1. คลิกที่ปุ่ม Start
2. เลือกที่แถบรายการ Run
3. ที่ช่อง Open พิมพ์คำว่า gpedit.msc แล้วคลิก OK
4. จะแสดงหน้าต่างของการปรับแต่ง Group Policy
5. ที่ Computer Configaration เลือกแถบ Administrative Templates
6. หัวข้อ Network เลือกที่ QoS Packet Scheduler
7. มองหน้าต่างด้านขวามือ ให้ดับเบิ้ลคลิกที่ Limit reservable bandwidth
8. จะปรากฎกรอบหน้าต่างใหม่ Limit reservable bandwidth Properties
9. เลือกแถบ Setting คลิกที่ช่อง Enable
10. ในช่อง bandwidth limit (%) : ปรับค่าเป็น 0
11. คลิก OK เพื่อยืนยันการใช้งาน
การลบ File Temporary ของ Windows XP ที่ง่ายและเร็วที่สุด
1. ไปที่เมนู Start > Run
2. แล้วพิมพ์ %temp% แล้วก็เลือกลบได้เลยครับ.
_____________________________________________________________________________________
เคล็ดลับเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ [ 1 ]
VONGOLA FAMILY !~
เคล็ดลับเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
สำหรับในปัจจุบันการใช้งานอินเตอร์เน้นในองค์กรนั้นมีมาก รวมไปถึงการใช้งานในโรงเรียน ในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ หรือในบ้านบางหลังที่มีเครื่องหลายเครื่องเลยใช้การแชร์ระบบอินเตอร์ผ่านระบบแลน การที่จะรักษาความเร็วในการใช้งานให้คงที่และไม่เปลี้ยงปริมาณข้อมูลที่เข้าออกซึ่งบางครั้งอาจจะมีการเรียกข้อมูลจากเว็ปเหมือนกัน อาจจะต้องเรียกข้อมูลทุกครั้งเราต้องการผ่านอินเตอร์เน็ต แต่บางครั้งทำให้ระบบการเยกข้อมูล ปริมาณข้อมูลที่คับคั้งทำให้ความเร็วในการใช้งานลดลงอย่างมากทำให้เกินความล่าช้า คำตอบในเรื่องนี้คือ Proxy Server หรือบางคนเรียกว่า Cache Server ในที่นี้ผมขอเรียกว่า Proxy Server เป็นกันรู้กันนะครับ ซึ่งหลักการของมัน คือ เมื่อมีผู้ใช้บริการทำการเรียกข้อมูลของ Web Site โดยผ่าน Proxy Server ในครั้งแรก Proxy Server จะทำการตรวจสอบว่ามีข้อมูลของ Web Site นั้นมีอยู่ในระบบ Cache ระบบหรือไม่ หากพบว่าไม่มีข้อมูล ในระบบ Cache ตัว Proxy Server จะทำการเรียกข้อมูลนั้นจาก Web Site ปลายทางที่ร้องขอทันที แล้วเก็บไว้ในเครื่องโดนขึ้นอยู่ว่าจะอยู่ที่หน่อยความจำ Ram หรือ Harddisk ขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้งาน (การใช้งานในระบบที่มีการเก็บ Cache เว็ปไว้ใน Ram นั้นมักจะทำได้ในระบบโปรแกรม Proxy Server ขั้นสูงเท่านั้นเพราะว่าในส่วนนี้จะใช้ทรัพยากรระบบมากและต้องการระดับ CPU สูง) และเมื่อมีผู้ใช้บริการทำเรียก Web Site ที่เคยเรียกแล้วมาอีกทีนี้ระบบ Proxy Sever จะทำการส่งข้อมูลไปยังเครื่อง ของผู้ใช้บริการทันที ในกรณีที่ Web Site มีการ update ข้อมูล Proxy Server จะทำการตรวจสอบข้อมูลที่มีอยู่ว่า Update หรือไม่ และจะทำการ Update ข้อมูลใหม่ทันทีในกรณีที่มีผู้เรียกใช้บริการก็จะได้ข้อมูลที่ Update อยู่เสมอ ซึ่งผู้ดูแลระบบนั้นจะต้องตั้งการปรับปรุงให้ฉลาดและยืดหยุ่นพอและยอมรับได้ จะเห็นได้ว่าทำไมเราถึงต้องใช้เราจะมาดูรูประกอบกันบ้างครับ
หมายเลขที่ 1 Client 1 จะทำการเรียกเว็ป http://www.www.com/ ไปที่ Server หมายเลขที่ 2 ระบบ Proxy Server ทำการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ว่ามีหรือไม่ ซึ่งในที่นี้ไม่มีจะทำการเรียกข้อมูลไปที่เครือข่ายอินเตอร์เน็ต หมายเลขที่ 3 เมื่อ Web Server ตอบกลับและส่งข้อมูลกลับมาที่ Proxy Serverหมายเลขที่ 4 ระบบ Proxy Server ทำการคัดลอกไฟล์ที่โหลดมาลง Cache ระบบ และส่งต่อไฟล์ที่ เครื่อง Client 1 หมายเลขที่ 5 Client 2 ทำการเรียกว่า http://www.www.com/ เช่นกันหมายเลขที่ 6 ระบบ Proxy Server ทำการตรวจสอบและพบว่ามี เว็ปใน Cache ระบบ จึงทำการส่งเว็ปไปให้ Client 2 ทันทีโดยไม่ต้องทำการร้องข้อใหม่จากอินเตอร์เน็ต
จะเห็นได้ว่าการมีระบบ Proxy Server ในองค์กร โรงเรียน ร้านเน็ต มีประโยชน์อย่างไร ซึ่งอย่างที่เห็นๆแน่นอนคือความเร็วในการใช้งานที่มีมากกว่า การประหยัดปริมาณการใช้ข้อมูลต่างๆ ได้มากมายทีเดียวลดปัญหาการเพิ่มช่องสัญญา ต่างๆ ที่ไม่จำเป็นเลยทีเดียวครับ_____________________________________________________________________________________
เคล็ดลับเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
สำหรับในปัจจุบันการใช้งานอินเตอร์เน้นในองค์กรนั้นมีมาก รวมไปถึงการใช้งานในโรงเรียน ในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ หรือในบ้านบางหลังที่มีเครื่องหลายเครื่องเลยใช้การแชร์ระบบอินเตอร์ผ่านระบบแลน การที่จะรักษาความเร็วในการใช้งานให้คงที่และไม่เปลี้ยงปริมาณข้อมูลที่เข้าออกซึ่งบางครั้งอาจจะมีการเรียกข้อมูลจากเว็ปเหมือนกัน อาจจะต้องเรียกข้อมูลทุกครั้งเราต้องการผ่านอินเตอร์เน็ต แต่บางครั้งทำให้ระบบการเยกข้อมูล ปริมาณข้อมูลที่คับคั้งทำให้ความเร็วในการใช้งานลดลงอย่างมากทำให้เกินความล่าช้า คำตอบในเรื่องนี้คือ Proxy Server หรือบางคนเรียกว่า Cache Server ในที่นี้ผมขอเรียกว่า Proxy Server เป็นกันรู้กันนะครับ ซึ่งหลักการของมัน คือ เมื่อมีผู้ใช้บริการทำการเรียกข้อมูลของ Web Site โดยผ่าน Proxy Server ในครั้งแรก Proxy Server จะทำการตรวจสอบว่ามีข้อมูลของ Web Site นั้นมีอยู่ในระบบ Cache ระบบหรือไม่ หากพบว่าไม่มีข้อมูล ในระบบ Cache ตัว Proxy Server จะทำการเรียกข้อมูลนั้นจาก Web Site ปลายทางที่ร้องขอทันที แล้วเก็บไว้ในเครื่องโดนขึ้นอยู่ว่าจะอยู่ที่หน่อยความจำ Ram หรือ Harddisk ขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้งาน (การใช้งานในระบบที่มีการเก็บ Cache เว็ปไว้ใน Ram นั้นมักจะทำได้ในระบบโปรแกรม Proxy Server ขั้นสูงเท่านั้นเพราะว่าในส่วนนี้จะใช้ทรัพยากรระบบมากและต้องการระดับ CPU สูง) และเมื่อมีผู้ใช้บริการทำเรียก Web Site ที่เคยเรียกแล้วมาอีกทีนี้ระบบ Proxy Sever จะทำการส่งข้อมูลไปยังเครื่อง ของผู้ใช้บริการทันที ในกรณีที่ Web Site มีการ update ข้อมูล Proxy Server จะทำการตรวจสอบข้อมูลที่มีอยู่ว่า Update หรือไม่ และจะทำการ Update ข้อมูลใหม่ทันทีในกรณีที่มีผู้เรียกใช้บริการก็จะได้ข้อมูลที่ Update อยู่เสมอ ซึ่งผู้ดูแลระบบนั้นจะต้องตั้งการปรับปรุงให้ฉลาดและยืดหยุ่นพอและยอมรับได้ จะเห็นได้ว่าทำไมเราถึงต้องใช้เราจะมาดูรูประกอบกันบ้างครับ
หมายเลขที่ 1 Client 1 จะทำการเรียกเว็ป http://www.www.com/ ไปที่ Server หมายเลขที่ 2 ระบบ Proxy Server ทำการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ว่ามีหรือไม่ ซึ่งในที่นี้ไม่มีจะทำการเรียกข้อมูลไปที่เครือข่ายอินเตอร์เน็ต หมายเลขที่ 3 เมื่อ Web Server ตอบกลับและส่งข้อมูลกลับมาที่ Proxy Serverหมายเลขที่ 4 ระบบ Proxy Server ทำการคัดลอกไฟล์ที่โหลดมาลง Cache ระบบ และส่งต่อไฟล์ที่ เครื่อง Client 1 หมายเลขที่ 5 Client 2 ทำการเรียกว่า http://www.www.com/ เช่นกันหมายเลขที่ 6 ระบบ Proxy Server ทำการตรวจสอบและพบว่ามี เว็ปใน Cache ระบบ จึงทำการส่งเว็ปไปให้ Client 2 ทันทีโดยไม่ต้องทำการร้องข้อใหม่จากอินเตอร์เน็ต
จะเห็นได้ว่าการมีระบบ Proxy Server ในองค์กร โรงเรียน ร้านเน็ต มีประโยชน์อย่างไร ซึ่งอย่างที่เห็นๆแน่นอนคือความเร็วในการใช้งานที่มีมากกว่า การประหยัดปริมาณการใช้ข้อมูลต่างๆ ได้มากมายทีเดียวลดปัญหาการเพิ่มช่องสัญญา ต่างๆ ที่ไม่จำเป็นเลยทีเดียวครับ_____________________________________________________________________________________
วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
บล็อก คือ อะไร?
บล็อก คือ อะไร?
มารู้จักความหมาย ของประโยคคำถาม ที่มักจะมีคนถามผมบ่อย ๆ เวลาไปบรรยายตามที่ต่าง ๆ ว่า “Blog คืออะไร” กันดีกว่าครับ
Blog มาจากศัพท์คำว่า WeBlog บางคนอ่านคำ ๆ นี้ว่า We Blog บางคนอ่านว่า Web Log แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองคำบ่งบอกถึงความหมายเดียวกัน ว่านั่นคือบล็อก (Blog)
ความหมายของคำว่า Blog ก็คือการบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็นบทความเฉพาะด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่องกล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทำให้บล็อกเป็นที่นิยมก็คือ ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเอง ใส่ลงไปในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือครอบครัวตนเอง
มีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นได้แค่ไดอารี่ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่ออนไลน์เปรียบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลายประเภท ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่างเช่นไดอารี่ หรือการบันทึกบทความที่ผู้เขียนบล็อกสนใจในด้านอื่นด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณ์การเมือง หรือการรีวิวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตัวเองเคยใช้ หรือซื้อมานั่นเอง อีกทั้งยังสามารถ แตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ตามแต่ความถนัดของเจ้าของบล็อก ซึ่งมักจะเขียนบทความเรื่องที่ตนเองถนัด หรือสนใจเป็นต้น
จุดเด่นที่สุดของ Blog ก็คือ มันสามารถเป็นเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ที่สามารถสื่อถึงความเป็นกันเองระหว่างผู้เขียนบล็อก และผู้อ่านบล็อกที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่ชัดเจนของบล็อกนั้น ๆ ผ่านทางระบบ comment ของบล็อกนั่นเอง
ในอดีตแรกเริ่ม คนที่เขียน Blog นั้นยังทำกันในระบบ Manual คือเขียนเว็บเองทีละหน้า แต่ในปัจจุบันนี้ มีเครื่องมือหรือซอฟท์แวร์ให้เราใช้ในการเขียน Blog ได้มากมาย เช่น WordPress, Movable Type เป็นต้น
ผู้คนหลายล้านคนจากทั่วทุกมุมโลก หันมาเขียน Blog กันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่นักเรียน อาจารย์ นักเขียน ตลอดจนถึงระดับบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้น NasDaq
เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา Blog เริ่มต้นมาจาก การเขียนเป็นงานอดิเรก ของกลุ่มสื่ออิสระต่าง ๆ หลาย ๆ แห่งกลายเป็นแหล่งข่าวสำคัญ ให้กับหนังสือพิมพ์หรือสำนักข่าวชั้นนำ จวบจนกระทั่งปี 2004 คนเขียน Blog ก็ได้รับการยอมรับจากสื่อและสำนักข่าวต่าง ๆ ถึงความรวดเร็วในการให้ข้อมูล ตั้งแต่เรื่องการเมือง ไปจนกระทั่ง เรื่องราวของการประชุม ระดับชาติ
และจากเหตุการณ์เหล่านี้ นับได้ว่า Blog เป็นสื่อชนิดหนึ่งที่ไม่ต่างจาก วีดีโอ , สิ่งพิมพ์ , โทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งวิทยุ เราสามารถเรียกได้ว่า Blog ได้เข้ามาเป็นสื่อชนิดใหม่ ที่สำคัญอย่างแท้จริง
สรุปให้ง่าย ๆ สั้น ๆ ก็คือ Blog คือเว็บไซต์ ที่มีรูปแบบเนื้อหา เป็นเหมือนบันทึกส่วนตัวออนไลน์ มีส่วนของการ comments และก็จะมี link ไปยังเว็บอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
อ่านจบบทความนี้ คิดว่าหลาย ๆ ท่านน่าจะเข้าใจว่า Blog คืออะไร เพิ่มขึ้นมากแล้วนะครับ
Blog ในปัจจุบันถือว่าได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งอาจเป็นเพราะ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย (ส่วนใหญ่) ใช้งานง่าย ...โดยผู้เขียนไม่ต้องมีความรู้เรื่องการเขียนเว็บไซต์ด้วยโปรแกรมภาษา หรือโปรแกรมสำเร็จรูปใดๆ เลยก็ย่อมได้ สามารถปรับแต่ง แก้ไขได้ง่าย บนหน้าจอ ณ เวลานั้นเลย แต่หากจะมีความรู้เรื่องภาษา Html ก็จะยิ่งดีมากๆ เพื่อช่วยในการปรับแต่งในขั้นลึกยิ่งขึ้น...
ประโยชน์ของ Blog นั้นมีมากมาย กว้างขวางยิ่งกว่า ไดอารี่ หรือบันทึกส่วนตัวทั่วๆ ไป
ประโยชน์ของ Blog สามารถแยกเป็นข้อๆ ได้ดังนี้
1] เป็นสื่อที่ใช้ในการแสดงความคิดเห็น ความรู้สึกของผู้เขียนเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เพื่อเสนอให้ผู้คน สาธารณะได้รับรู้
2] เป็นเครื่องมือช่วยในด้ารธุรกิจ เช่น การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การเสนอข่าวสารความเคลื่อนไหวขององค์กร การเสนอตัวอย่างสินค้า การขายสินค้า และการทำการตลาดออนไลน์ เป็นต้น
3] เป็นแหล่งความรู้ใหม่ๆ ที่ถูกต้องและชัดเจน จากผู้มีความรู้เฉพาะด้านๆ นั้น เนื่องจากผู้เขียน Blog มักจะเขียนถึงเรื่องที่ตัวเองถนัด ชอบ และมีความรู้ลึกในเรื่องนั้นๆ การค้นหาข้อมูลเฉพาะด้านใน Blog ต่างๆ จึงทำให้เราค้นพบความรู้ และผู้มีความรู้ความชำนาญในด้านต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น
4] ทำให้ทันต่อเหตุการณ์ในโลกปัจจุบัน เพราะข่าวสารความรู้ มาจากผู้คนมากมาย(ทั่วโลก) และมักจะเปลี่ยนแปลงได้ทันกับเหตุการณ์ปัจจุบันเสมอ
และอื่นๆ อีกมากมาย
Blog มาจากศัพท์คำว่า WeBlog บางคนอ่านคำ ๆ นี้ว่า We Blog บางคนอ่านว่า Web Log แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองคำบ่งบอกถึงความหมายเดียวกัน ว่านั่นคือบล็อก (Blog)
ความหมายของคำว่า Blog ก็คือการบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็นบทความเฉพาะด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่องกล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทำให้บล็อกเป็นที่นิยมก็คือ ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเอง ใส่ลงไปในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือครอบครัวตนเอง
มีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นได้แค่ไดอารี่ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่ออนไลน์เปรียบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลายประเภท ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่างเช่นไดอารี่ หรือการบันทึกบทความที่ผู้เขียนบล็อกสนใจในด้านอื่นด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณ์การเมือง หรือการรีวิวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตัวเองเคยใช้ หรือซื้อมานั่นเอง อีกทั้งยังสามารถ แตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ตามแต่ความถนัดของเจ้าของบล็อก ซึ่งมักจะเขียนบทความเรื่องที่ตนเองถนัด หรือสนใจเป็นต้น
จุดเด่นที่สุดของ Blog ก็คือ มันสามารถเป็นเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ที่สามารถสื่อถึงความเป็นกันเองระหว่างผู้เขียนบล็อก และผู้อ่านบล็อกที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่ชัดเจนของบล็อกนั้น ๆ ผ่านทางระบบ comment ของบล็อกนั่นเอง
ในอดีตแรกเริ่ม คนที่เขียน Blog นั้นยังทำกันในระบบ Manual คือเขียนเว็บเองทีละหน้า แต่ในปัจจุบันนี้ มีเครื่องมือหรือซอฟท์แวร์ให้เราใช้ในการเขียน Blog ได้มากมาย เช่น WordPress, Movable Type เป็นต้น
ผู้คนหลายล้านคนจากทั่วทุกมุมโลก หันมาเขียน Blog กันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่นักเรียน อาจารย์ นักเขียน ตลอดจนถึงระดับบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้น NasDaq
เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา Blog เริ่มต้นมาจาก การเขียนเป็นงานอดิเรก ของกลุ่มสื่ออิสระต่าง ๆ หลาย ๆ แห่งกลายเป็นแหล่งข่าวสำคัญ ให้กับหนังสือพิมพ์หรือสำนักข่าวชั้นนำ จวบจนกระทั่งปี 2004 คนเขียน Blog ก็ได้รับการยอมรับจากสื่อและสำนักข่าวต่าง ๆ ถึงความรวดเร็วในการให้ข้อมูล ตั้งแต่เรื่องการเมือง ไปจนกระทั่ง เรื่องราวของการประชุม ระดับชาติ
และจากเหตุการณ์เหล่านี้ นับได้ว่า Blog เป็นสื่อชนิดหนึ่งที่ไม่ต่างจาก วีดีโอ , สิ่งพิมพ์ , โทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งวิทยุ เราสามารถเรียกได้ว่า Blog ได้เข้ามาเป็นสื่อชนิดใหม่ ที่สำคัญอย่างแท้จริง
สรุปให้ง่าย ๆ สั้น ๆ ก็คือ Blog คือเว็บไซต์ ที่มีรูปแบบเนื้อหา เป็นเหมือนบันทึกส่วนตัวออนไลน์ มีส่วนของการ comments และก็จะมี link ไปยังเว็บอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
อ่านจบบทความนี้ คิดว่าหลาย ๆ ท่านน่าจะเข้าใจว่า Blog คืออะไร เพิ่มขึ้นมากแล้วนะครับ
Blog ในปัจจุบันถือว่าได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งอาจเป็นเพราะ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย (ส่วนใหญ่) ใช้งานง่าย ...โดยผู้เขียนไม่ต้องมีความรู้เรื่องการเขียนเว็บไซต์ด้วยโปรแกรมภาษา หรือโปรแกรมสำเร็จรูปใดๆ เลยก็ย่อมได้ สามารถปรับแต่ง แก้ไขได้ง่าย บนหน้าจอ ณ เวลานั้นเลย แต่หากจะมีความรู้เรื่องภาษา Html ก็จะยิ่งดีมากๆ เพื่อช่วยในการปรับแต่งในขั้นลึกยิ่งขึ้น...
ประโยชน์ของ Blog นั้นมีมากมาย กว้างขวางยิ่งกว่า ไดอารี่ หรือบันทึกส่วนตัวทั่วๆ ไป
ประโยชน์ของ Blog สามารถแยกเป็นข้อๆ ได้ดังนี้
1] เป็นสื่อที่ใช้ในการแสดงความคิดเห็น ความรู้สึกของผู้เขียนเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เพื่อเสนอให้ผู้คน สาธารณะได้รับรู้
2] เป็นเครื่องมือช่วยในด้ารธุรกิจ เช่น การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การเสนอข่าวสารความเคลื่อนไหวขององค์กร การเสนอตัวอย่างสินค้า การขายสินค้า และการทำการตลาดออนไลน์ เป็นต้น
3] เป็นแหล่งความรู้ใหม่ๆ ที่ถูกต้องและชัดเจน จากผู้มีความรู้เฉพาะด้านๆ นั้น เนื่องจากผู้เขียน Blog มักจะเขียนถึงเรื่องที่ตัวเองถนัด ชอบ และมีความรู้ลึกในเรื่องนั้นๆ การค้นหาข้อมูลเฉพาะด้านใน Blog ต่างๆ จึงทำให้เราค้นพบความรู้ และผู้มีความรู้ความชำนาญในด้านต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น
4] ทำให้ทันต่อเหตุการณ์ในโลกปัจจุบัน เพราะข่าวสารความรู้ มาจากผู้คนมากมาย(ทั่วโลก) และมักจะเปลี่ยนแปลงได้ทันกับเหตุการณ์ปัจจุบันเสมอ
และอื่นๆ อีกมากมาย
By.. Top
เครดิตข้อมูล : เก่ง
เครดิตรูปภาพ : su_su_benzkung & video8
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)